BREAKING NEWS
latest

728x90

ad

468x60

ad

วันจันทร์ที่ 18 พฤศจิกายน พ.ศ. 2562

เตือนแล้วนะ!! หลัง 1 ธ.ค. ใครครอบครอง 3 สารพิษ ต้องติดคุกลูกเดียว





“มนัญญา” ทำหนังสือเชิญ 3 สมาคมผู้ส่งออก-นำเข้า 3 สาร ประชุมวันที่ 21 พ.ย.นี้ หารือมาตรการรับคืนสารเคมีจากเกษตรกร พร้อมที่จะลงนามในหนังสือส่งออก 3 สารไปประเทศที่สามด้วยตนเอง ย้ำใครไม่มาแสดงว่าไม่เดือดร้อน เพราะหลัง 1 ธ.ค.ต้องไม่มี 3 สารในประเทศไทยอีกต่อไป พร้อมประชุมสารวัตรเกษตร แจงแนวทางการแจ้งขั้นตอนคืนสาร หวั่นเกษตรกรไม่เข้าใจยังครอบครองอาจติดคุกได้

เหลือเวลาไม่ถึงสองสัปดาห์ ที่เกษตรกรไทยจะไม่สามารถใช้หรือครอบครอง 3 สารเคมีทางการเกษตรคือ พาราควอต คลอร์ไพริฟอส และไกลโฟเซต เนื่องจากคณะกรรมการวัตถุอันตราย มีมติตามที่คณะกรรมการ 4 ฝ่าย กระทรวงเกษตรและสหกรณ์เสนอ ที่ให้ขึ้นทะเบียน 3 สารเคมีทางการเกษตรดังกล่าว จากเป็นวัตถุอันตรายประเภทที่ 3 เป็นประเภท 4 หมายถึง วัตถุอันตรายที่ห้ามมิให้ผู้ใดผลิต นำเข้า ส่งออก หรือมีไว้ในครอบครอง ตั้งแต่วันที่ 1 ธ.ค.2562 เป็นต้นไป

ต่อมาเมื่อวันที่ 17 พ.ย. น.ส.มนัญญา ไทยเศรษฐ์ รมช.เกษตรและสหกรณ์ เปิดเผยว่าได้มีหนังสือเชิญ 3 สมาคมผู้ส่งออก-นำเข้า 3 สารเคมี มาประชุมวันที่ 21 พ.ย.นี้ ที่กระทรวงเกษตรฯ ช่วงบ่าย ภายหลังที่คณะกรรมการวัตถุอันตรายมีมติแบน และขึ้นทะเบียน 3 สาร คือ พาราควอต คลอร์ไพริฟอสและไกลโฟเซต เป็นวัตถุอันตรายประเภทที่ 4 ในวันที่ 1 ธ.ค.2562 เพื่อหารือถึงมาตรการรับคืนสารเคมีจากประชาชน เกษตรกร และการส่งออก 3 สาร โดยตนพร้อมที่จะลงนามในหนังสือส่งออก 3 สารไปประเทศที่สาม หรือประเทศต้นทาง ในฐานะที่กำกับดูแลกรมวิชาการเกษตร เพราะหากยังใช้สารเคมีอันตรายคาดว่าอนาคตประเทศไทยจะไม่มีคนทำการเกษตร เพราะเสียชีวิตก่อนวัยอันควรและดินเสียจากสารตกค้างในดิน

“ในวันที่ 21 พ.ย.นี้ ดิฉันมีหนังสือเชิญและขอประชาสัมพันธ์ผ่านสื่อไปเลยว่า ให้บริษัทเหล่านั้น มาประชุมเพื่อจะได้มีกำหนดแนวทางการรับคืนสารเคมีจากเกษตรกร จากร้านผู้แทนจำหน่าย รวมทั้งการส่งออกกลับไปประเทศอื่นหรือประเทศต้นทาง หากวันนั้นไม่มา แสดงว่าบริษัทเหล่านั้นไม่เดือดร้อน ไม่มีสารเคมีอันตรายทั้ง 3 สาร ในมือในสต๊อกแล้ว เพราะหลังวันที่ 1 ธ.ค.2562 ที่มติมีผลบังคับใช้ต้องไม่มีสารเหล่านี้ในประเทศไทยอีก และสารเคมีเหล่านั้นเป็นภาระบริษัทเอกชนที่นำเข้า ต้องรับผิดชอบในการนำกลับรีเอกซ์พอร์ตกลับไป หรือการทำลายตามกฎหมาย และไม่สามารถเอาเงินหลวงไปใช้ได้ ดิฉันยืนยันว่าเป็นภาระของบริษัทที่จะต้องนำกลับคืนตามกฎหมายเท่านั้น ใครใช้เงินหลวงไปรับทำลายติดคุกนะคะ” น.ส.มนัญญากล่าว

น.ส.มนัญญากล่าวอีกว่า จากนั้นในวันที่ 22 พ.ย. จะประชุมสารวัตรเกษตรทั่วประเทศ 300 กว่าคนเพื่อรับทราบแนวทางในการลงพื้นที่ทำความเข้าใจกับเกษตรกรและประชาชนที่มีสารทั้ง 3 ตัวในครอบครองว่าต้องไปส่งคืนบริษัทหรือร้านค้าหรือเอเย่นต์อย่างไร เพราะวันที่ 1 ธ.ค.62 หากครอบครองสารทั้ง 3 ตัวจะผิดกฎหมายและมีโทษหนัก

เราไม่เสียเวลารอกระทรวงอื่นแล้วค่ะ ว่าจะมีท่าทีอะไรต่อ 3 สาร เพราะ 1 ธ.ค.62 หากเกษตรกรเราไม่ทราบ โทษตามกฎหมายหนักจำคุกไม่เกิน 10 ปี ปรับเป็นแสนเป็นล้าน ดิฉันไม่อยากให้มีภาพเกษตรกรของเราโดนตรวจจับเพราะรู้เท่า ไม่ถึงการณ์ จึงให้เรียกประชุมสารวัตรเกษตร จะได้รับทราบทิศทางเดียวกันและลงพื้นที่แจ้งเตือนประชาชนทันที

รมช.เกษตรฯ กล่าวและว่าภายหลังที่คณะกรรมการวัตถุอันตราย มีมติแบน 3 สาร ได้ลงพื้นที่ไปหลายจังหวัด พบว่าเกษตรกรในพื้นที่ต่างขอบคุณที่ผลักดันเรื่องนี้เพราะเกษตรกรทราบดีว่าสารอันตรายและหลายครอบครัวต้องสูญเสียคนในครอบครัว คนที่ตนเองรักไปก่อนวัยอันควรจากการทำการเกษตรที่ใช้สารเคมีอันตราย และในบางพื้นที่พบว่ามีสารพิษในเลือดของคนในชุมชนที่ทำการเกษตรแบบใช้สารเคมี


ข่าว : thairath

« PREV
NEXT »

ไม่มีความคิดเห็น