BREAKING NEWS
latest

728x90

ad

468x60

ad

วันจันทร์ที่ 9 ธันวาคม พ.ศ. 2562

จบม.3 รร.บึงกาฬ “มิว” นริศ จำปาลี ล่ามส่วนตัว “อุ้ม” ธีราทร




“ผมอยู่ญี่ปุ่นมา 19 ปีแล้วครับ อยู่มาตั้งแต่อายุ 15 จบม.3 จากโรงเรียนบึงกาฬ ก็มาอยู่กับแม่ที่แต่งงานกับคนญี่ปุ่น เรียนที่นี่ ทำงานที่นี่ถึงทุกวันนี้ครับ”

หนุ่มผิวคล้ำ ลูกอีสาน จากจังหวัดบึงกาฬ ที่ปรากฏกายอยู่เคียงข้าง “อุ้ม” ธีราทร บุญมาทัน ว่าที่นักเตะไทยคนแรกที่จะเป็นแชมป์เจลีก ทุกย่างก้าวตลอดระยะเวลา 2 ปีบนแผ่นดินอาทิตย์อุทัย เล่าถึงที่มาของตัวเองให้ฟัง

“มิว”นริศ จำปาลี ย้อนความหลังให้ฟังว่า ชีวิตตลอด 19 ปีบนดินแดนปลาดิบ ไม่ใช่เรื่องง่ายๆอย่างที่หลายคนคิดกัน หลังจากที่เขาเรียนจบไฮสคูลแล้ว ก็เข้าทำงานที่บริษัทฮอนด้า มีหน้าที่เป็นนายช่างซ่อมรถ และติดตั้งอุปกรณ์ประดับยนต์ก่อนส่งถึงมือลูกค้า




ภาพข่าว : ฟุตบอล108




แม้จะมีรายได้งดงาม แต่ตลอดเวลา 12 ปีในฐานะช่าง เขาต้องทำงานอย่างหนัก ทานข้าวกล่องใต้ท้องรถ เพื่อขันน็อตสปอยเลอร์ไปด้วย หลายต่อหลายครั้งที่เขาต้องทำโอที เพื่อเร่งส่งรถให้ลูกคัา กลับบ้านตี 4 เพื่อออกไปทำงาน 8โมงเช้าของวันใหม่

งานที่หนักมากไม่ต่างจากกรรมกร แม้ค่าแรงจะสูงแต่ไม่คุ้มกับสุขภาพที่ตรากตรำ เด็กหนุ่มจากบึงกาฬ เริ่มมองหางานที่เบากว่า ที่เหมาะกับสภาพร่างกายในช่วงที่กำลังจะเลยวัยรุ่นได้มากกว่า

เขาโชคดี ที่คนญี่ปุ่น ส่วนมากผิวขาว เมื่อเขาเดินไปสมัครงานเป็นนักแสดงตัวประกอบ ที่สามารถพูดภาษาญี่ปุ่นได้ดีกว่าเจ้าของภาษา ผู้กำกับภาพยนตร์จึงเลือกให้เขารับบท ชาวต่างชาติในหนังญี่ปุ่น

นั่นเป็นจุดเริ่มต้นให้ถอดชุดหมี สถานะช่างที่ดำรงมาตลอดชีวิต เข้าสู่อาชีพใหม่

“มิว”เล่นหนัง เล่นละครอยู่หลายเรื่อง ระหว่างนั้นก็รับงานพิเศษ ด้วยการเป็น “ล่าม”แปลไทย-ญี่ปุ่น/ญี่ปุ่น-ไทย ให้กับนักธุรกิจของ 2 ชาติ และอีเว้นท์ต่างๆไปด้วย









จุดเปลี่ยนสำคัญในชีวิตของเขา เกิดขึ้นในวันที่ เดินไปซื้อตั๋วผีราคา 15000 เยน เพื่อเข้าชมเกมฟุตบอลโลก2018 รอบคัดเลือกระหว่างญี่ปุ่น กับ ไทยที่ไซตามะ สเตเดี้ยม

แม้ชาติบ้านเกิดจะแพ้ให้แผ่นดินที่อาศัยไป0-4 แต่บรรยากาศในสนามวันนั้น ปลุกสัญชาตญาณเก่าๆที่เคยเป็นนักเตะอบต.บึงกาฬให้กลับมาอีกครั้ง เขาอยากจะดูฟุตบอล อยากจะมีส่วนร่วม อยากจะกลับมาหากีฬาที่เขารักอีกครั้ง

จบฟุตบอลโลกมีข่าวว่า จะมีนักเตะไทยมาค้าแข้งในเจลีก กำลังต้องการ “ล่าม”ที่พูดภาษาญี่ปุ่นได้ดี

“มิว”ไม่รอช้าติดต่อไปยังสโมสรซัปโปโร่ ที่บรรลุข้อตกลงกับ “เจ”ชนาธิป แต่ได้รับคำตอบว่า เจ มีล่ามแล้วมาจากเมืองไทย

เขาเดินหน้าร่อนใบสมัคร ไปยังทุกสโมสรที่มีข่าวว่านักเตะไทยจะมาค้าแข้ง ก่อนจะโดนปฏิเสธอีกครั้งจากฮิโรชิม่า ซานเฟรชเช่ ที่มี มุ้ย ธีรศิลป์มาเล่น

เมื่อมุ่งมั่นแล้วคนอย่างเขาไม่เคยยอมแพ้ ทันทีที่ข่าวออกว่า ธีราทร จะมาค้าแข้งกับวิสเซล โกเบ เขาก็หอบความมุ่งมั่น และเอกสาร ไปสมัครเป็นสโมสรที่ 3

ที่นี่เขาสมหวัง ได้รับเลือกให้เป็น “ล่าม”ประจำตัวของ ธีราทร บุญมาทัน

แต่รายได้ที่เขาจะได้รับ เหลือเพียง 1 ใน 3 ของงานเดิมที่เคยเป็นนักแสดงและล่ามธุรกิจ

นั่นไม่ใช่ปัญหา เพราะ “ความฝัน”ของมิว ยิ่งกว่า “เงิน”

แม้จะผ่านงานหนักมามากขนาดไหน แต่เขาก็ไม่เคยเจองาน “ยาก”ขนาดนี้

“ผมเคยคิดว่าการเป็นล่ามฟุตบอลมันไม่น่ายากก็แค่แปลภาษา ซึ่งภาษาญี่ปุ่นผม 100%อยู่แล้ว แต่มันไม่ใช่เลย การเป็นล่ามฟุตบอลมันมีหลายอย่างที่ต้องเรียนรู้มาก ทั้งการเข้าใจจิตใจนักฟุตบอล การพยายามเข้าถึงสิ่งที่โค้ชต้องการสื่อสาร คือมันเหมือนกับว่าต้องเอาตัวเราสิงในร่างนักเตะให้ได้ ต้องทำให้เขายอมรับ ซึ่งอุ้มก็เป็นคนที่บุคคลิคเฉยๆผมต้องใช้เวลาพอสมควรกว่าจะปรับตัวได้”

การทำให้นักบอลเชื่อใจ เป็นกุญแจสำคัญ สำหรับอาชีพ ล่ามฟุตบอล

แต่การเป็นลูกจ้างสโมสรฟุตบอลญี่ปุ่น เขาต้องผ่านบททดสอบที่หนักหนากว่านั้น มันหนักจนเขาคิดจะยอมแพ้ เลิกทำอาชีพล่ามไปเลย

“ตอนที่อยู่กับโกเบ ผมเคยถูกหัวหน้าของผมซึ่งเป็นเมเนเจอร์ สั่งให้ไปทำความสะอาดห้องน้ำ ขัดส้วม ซักผ้า รีดผ้า ขัดรองเท้าให้นักฟุตบอล ซึ่งผมก็งงว่ามันเป็นหน้าที่ของล่ามเหรอ ตอนนั้นผมโกรธมาก เพราะล่ามคนอื่นๆไม่เห็นต้องทำแบบผมเลย ผมต้องทำแบบนั้นอยู่ 6 เดือนคิดจะลาออกก็สงสารอุ้ม เพราะถ้าผมออกกลางคัน อุ้มก็ไม่มีใคร ตอนหลังผจก.มาบอกผมว่าต้องการให้ผมเรียนรู้งานทุกอย่างในสโมสร และฝึกความอดทน วันหนึ่งถ้าผมไปทำงานที่อื่นจะได้ไม่ลำบาก”

มิว หมดสัญญากับวิสเซล โกเบพร้อมกับอุ้ม เขาได้ประสบการณ์ชีวิตการเป็นล่ามฟุตบอลมาไม่น้อย แต่ความฝันของเขายังไม่สุด ฝันที่อยากจะเห็นนักเตะไทยสักคนประสบความสำเร็จบนเวทีเจลีก

เขาคิดว่า ชีวิตล่ามฟุตบอลของตัวเองคงจะจบไปพร้อมๆกับการกลับเมืองไทยของ”โก๋อุ้ม” ระหว่างที่กำลังหางานใหม่ ธีราทรก็ได้รับสัญญาจาก โยโกฮาม่า เอฟ มารินอส สโมสรนี้ให้แบ็คซ้ายกัปตันทีมชาติไทยเป็นคนเลือก ล่ามประจำตัวเอง

แน่นอนว่า “อุ้ม”เลือก “พี่มิว”ที่พิสูจน์ให้เห็นแล้วว่านอกจากจะเป็นผู้แปลภาษา ยังเป็นเพื่อนคู่คิด ที่คอยให้คำปรึกษามาตลอดทั้งฤดูกาล

การทำงานในปีนี้เขาไม่ใช่น้องใหม่ในวงการฟุตบอลอีกแล้ว งานของเขาคล่องแคล่วและราบรื่นขึ้น เช่นเดียวกับนักเตะของเขา ที่ประสบความสำเร็จก้าวไปข้างหน้าพร้อมกับทีม ก้าวไปถึงโทรฟี่แชมป์เจลีกอย่างไม่น่าเชื่อ

“พี่เชื่อไหม ว่าวันที่อุ้มยิงประตูได้ ผมเหมือนคนโดนไฟช็อต มันชาไปทั้งตัว ผมร้องไห้ออกมาอย่างไม่รู้ตัว มันอธิบายไม่ถูก มันเหมือนเราเป็นคนยิงเอง เหมือนเป็นคนที่ทำสำเร็จเอง เพราะตลอดเวลาที่อยู่ด้วยกันกับอุ้ม ม้นเป็นเหมือนคนๆเดียวกันตลอดมา”

จากเด็กหนุ่มภาคอีสานของไทย ที่หิ้วกระเป๋ามาอาศัยแผ่นดินซากุระอยู่ตั้งแต่อายุ 15 เขาคือพลเมืองชั้น 2 ที่ต้องฝึกโค้งตัว อาริกาโตะๆมาตลอดชีวิต

วันนี้เขาได้กลายเป็นพลเมืองชั้น 1...พลเมืองคุณภาพ ที่คนญี่ปุ่นยกย่อง เช่นเดียวกับผู้เล่นในการดูแลของเขา

แค่นี้ “นริศ จำปาลี” บอกว่า “ผมนอนตายตาหลับแล้วครับ


บึงกาฬ//ข่าว : ฟุตบอล108
ทีมข่าว : บึงกาฬบอร์ดรายงาน

« PREV
NEXT »

1 ความคิดเห็น