เมื่อวันที่ 19 มี.ค. เวลา 09.00 น. ผู้สื่อข่าวรายงานว่าที่จังหวัดบึงกาฬ สถานการณ์การแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 สำนักงานสาธารณสุขจังหวัดบึงกาฬ ได้สรุปสถานการณ์ ในวันที่ 18 มี.ค. เวลา 15.00 น.ว่า ในพื้นที่จังหวัดบึงกาฬมีกลุ่มเสี่ยงที่เฝ้าระวังอยู่ โดยยังกักตัวอยู่ที่บ้านจำนวน 39 ราย ที่ผ่านมามีผู้เข้าเกณฑ์ได้รับการตรวจโรคแล้วจำนวน 16 ราย แต่ยังไม่พบผู้ติดเชื้อโควิค-19 แม้แต่รายเดียว
ล่าสุด ทางการ สปป.ลาว โดยเจ้าแขวงบอลิคำไซ ได้ออกคำสั่งให้ปิดการบริการด่านประเพณีเข้า-ออก ภายในแขวงบอลิคำไซ ที่มีชายแดนติดกับสาธารณรัฐสังคมนิยมเวียดนาม และราชอาณาจักรไทย ด้านจังหวัดบึงกาฬ เป็นการชั่วคราว เพื่อป้องกันไม่ให้มีกรณีเกิดการติดเชื้อและการแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อโควิด-19 จนกว่าสถานการณ์การแพร่ระบาด จะเข้าสู่สภาวะปกติ
ซึ่งหลังจากวันนี้ไปในพื้นที่จังหวัดบึงกาฬ จะเหลือเพียงด่านเดียว คือ ด่านศุลกากร บ้านพันลำ ระหว่างบึงกาฬ-เมืองปากซัน แขวงบอลิคำไซ สปป.ลาว ซึ่งเป็นด่านสากล หากจะปิดต้องได้รับความเห็นชอบของทั้ง 2 ประเทศก่อน ส่วนพ่อค้าแม่ค้าชาวไทยก็บอกว่าเห็นด้วยที่จะมีการปิดด่านชั่วคราว เพื่อป้องกันการแพร่ระบาดของไวรัสโควิค-19
ด่านผ่อนปรนจำนวน 2 ด่าน ที่ตรงกันข้ามกับจังหวัดบึงกาฬ ที่จะถูกปิด คือ
1. ด่านบ้านทวย เมืองท่าพะบาด ตรงข้ามกับจุดผ่อนปรนห้วยคาด อำเภอปากคาด และ
2.ด่านปากกะดิ่ง เมืองปากกะดิ่ง ตรงข้ามกับอำเภอบุ่งคล้า โดยทางการลาวมอบให้เจ้าหน้าที่ประจำด่านแต่ละจุดแจ้ง ประสานกับเจ้าหน้าที่ฝ่ายราชอาณาจักรไทย ให้ความร่วมมือและปฏิบัติตามคำสั่งฉบับนี้ และให้เมืองที่มีชายแดนติดกับราชอาณาจักรไทย เป็นเจ้าของเรื่องในการติดตาม ตรวจตรา เผยแพร่ให้พ่อแม่พี่น้องประชาชนรับทราบ มีสติระมัดระวังและป้องกันตนเองจากการแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อโควิด-19 โดยการติดตามข้อมูลข่าวสารอย่างเป็นปกติ
ดังนั้น จึงให้บรรดาเมือง แผนกการ หัวหน้าแผนกการ แนวลาวสร้างชาติ องค์การมหาชน หัวหน้ากองบัญชาการ ปกส. รัฐวิสาหกิจ บริษัท ตลอดจนพ่อแม่พี่น้องประชาชนในแขวงบอลิคำไซ จึงรับทราบและถือปฏิบัติตามคำสั่งฉบับนี้อย่างเคร่งครัด ลงนามโดย ดร.บุนมา บุจะเลิน รอง เจ้าแขวงบอลิคำไซ สปป.ลาว
ผู้สื่อข่าวได้พูดคุยกับพี่น้องชาวลาวที่เดินทางเข้ามาจับจ่ายใช้สอยบริเวณด่านห้วยคาด-บ้านทวย อ.ปากคาด หลังทราบข่าวจะมีการปิดด่าน ซึ่งก็ได้รับคำตอบว่า คงจะได้รับผลกระทบบ้างเนื่องจากทั้งการค้าการขายของชาวบ้านทั้งสองฝั่งไทยลาว ชาวลาวที่นำพืชผักมาขาย บางคนมาหมอรักษาตัวก็ต้องได้รับผลกระทบ ส่วนชาวไทยที่ขายของให้ชาวลาวก็ต้องได้รับผลกระทบเช่นกัน ไหนจะแรงงานรับจ้างขนส่งสิ่งของขึ้นลงท่า ไหนจะสามล้อรับจ้างก็ได้รับผลกระทบไปตามๆกัน เช่นเดียวกับชาวบ้านทวย ที่ทราบข่าวต่างพากันเดินทางข้ามมาจับจ่ายใช้สอยเตรียมซื้อสินค้ากับไปกักตุนไว้ขาย โดยเฉพาะเชื้อเพลิงอย่างน้ำมัน
ข่าวต้นฉบับ
ไม่มีความคิดเห็น
แสดงความคิดเห็น