คณะรัฐมนตรีได้อนุมัติเห็นชอบให้เพิ่ม 58 ไม้ยืนต้นที่มีมูลค่าทางเศรษฐกิจ ปลูกต้นไม้ ให้เป็นเงินใช้เป็นสินทรัพย์ค้ำประกันเงินกู้ ขอสินเชื่อ หรือ เก็บไว้เป็นสินทรัพย์เป็นมรดกส่งต่อให้ลูกหลาน เพิ่มโอกาสทางเศรษฐกิจให้กับเกษตรกรไทยได้
ซึ่งเป็นต้นไม้ตามบัญชีท้ายกฎหมายว่าด้วยสวนป่าที่สามารถนำมาเป็นทรัพย์ที่ใช้เป็นหลักประกันทางธุรกิจ มีจำนวน 58 ชนิด ได้แก่ ไม้สัก พะยูง ชิงชัน กระซิก กระพี้เขาควาย สาธร แดง ประดู่ป่า ประดู่บ้าน มะค่าโมง มะค่าแต้ เคี่ยม เคี่ยมคะนอง เต็ง รัง พะยอม ตะเคียนทอง ตะเคียนหิน ตะเคียนชันตาแมว ไม้สกุลยาง สะเดา สะเดาเทียน ตะกู ยมหิน ยมหอม นางพญาเสือโคร่ง นนทรี สัตบรรณ ตีนเป็ดทะเล พฤกษ์ ปีบ ตะแบกนา เสลา อินทนิลน้ำ ตะแบกเลือด นากบุด ไม้สกุลจำปี แคนา กัลปพฤกษ์ ราชพฤกษ์ สุพรรณิการ์ เหลืองปรีดียาธร มะหาด มะขามป้อม หว้า จามจุรี พลับพลา กันเกรา กะทังใบใหญ่ หลุมพอ กฤษณา ไม้หอม เทพทาโร ฝาง ไผ่ทุกชนิด ไม้สกุลมะม่วง ไม้สกุลทุเรียน และมะขาม
ทั้งนี้ หากจะใช้เป็นสินทรัพย์ค้ำประกันเงินกู้ ขอสินเชื่อได้ก็อยู่ภายใต้เงื่อนไขว่า
1. ต้นไม้ต้องมีอายุตั้งแต่ 1 ปีขึ้นไป
2. ต้นไม้มีลำต้นตรง 2 เมตรขึ้นไป
3. ปลูกในที่ดินของตนเอง โดยที่ดิน 1 ไร่ รับขึ้นทะเบียนไม่เกิน 400 ต้น
4. การวัดมูลค่าจะต้องมีกรรมการและสมาชิกธนาคารต้นไม้รวมกันอย่างน้อย 3 คน ร่วมประเมินมูลค่าต้นไม้เป็นรายต้น ที่ความสูงจากโคน 130 เซนติเมตร มีขนาดเส้นรอบวงต้นไม่ต่ำกว่า 3 เซนติเมตร แล้วเปรียบเทียบเส้นรอบวงที่วัดได้กับตารางปริมาณและราคาเนื้อไม้เพื่อหามูลค่าต้นไม้ต่อไป
ที่มา นฤมล ภิญโญสินวัฒน์
ไม่มีความคิดเห็น
แสดงความคิดเห็น